ลุมพินี (Lumbini)
ข้อมูลเนปาลโดยสังเขป
ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ได้แบ่งปันดินแดน ลุมพินีจึงตกอยู่ในเขต
ปกครองของเนปาล
- เนปาลเป็นดินแดนของชาวเนวารี มีประชากร ๒๙ ล้านเศษ
(พ.ศ. ๒๕๕๒)
- คนในประเทศพูดภาษาเนปาลี ๕๒% มีพื้นที่ ๑๔,๕๓๑๙
ตารางกิโลเมตร
- ความยาวจากตะวันออกถึงตะวันตก ๔๘๕ กิโลเมตร และ
เหนือจรดใต้ ๑๖๐ กิโลเมตร
- พื้นที่เป็นภูเขา ๓๒% , ป่า ๑๔% , ที่เพาะปลูก ๑๓% และ
แม่นํ้า ๔๑%
- ผู้คนนับถือฮินดู ๘๖% , พุทธ ๘% , อิสลาม ๓% และ คริสต์
๕๐,๐๐๐ คน
- องค์กรอิสระกล่าวว่า คนนับถือพระพุทธศาสนาสูงกว่า ๔๐%
เท่ากับฮินดู
- มีรายได้เข้าประเทศปีละ ๖๐ ล้านUS จากนักท่องเที่ยว
หัตถกรรม ทหารกูรข่า และนับรบรับจ้าง
- มีภูเขาสูงที่สุดในโลก คือ ภูเขาเอฟเวอร์เรส EVEREST สูง
๘,๘๔๘ เมตร = ๒๙,๐๒๘ ฟุต
- เวลาเร็วกว่าอินเดีย ๑๕ นาที ไม่มีทางออกทะเล
- อัตราการแลกเปลี่ยน ๑๐๐ RS. อินเดีย = ๑๖๐ Rs. เนปาล
- เงินอินเดียนำ ไปใช้ในเนปาลได้ แต่เงินเนปาลนำ มาใช้ใน
อินเดียไม่ได้
- เนปาลมีความภูมิใจในเนปาล ๒ ประการคือ
๑) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติในประเทศนี้ ๒) ภูขาที่สูงที่สุด
ในโลกอยู่ในประเทศนี้
ลุมพินี
ลุมพินีคือสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า เป็นสังเวชนียถาน ๑
ใน ๔ ปัจจุบันตั้งอยู่ในประเทศเนปาล ตำ บลรุมมินเดจังหวัดไพราวา
หรือสิทธาตนคร ครั้งพุทธกาลตั้งอยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และเทวทหะ
พ.ศ. ๙๔๒ สมณะฟาเหียน ได้จาริกมาชมพูทวีป บันทึกไว้ ณ ลุมพินี
มีบ่อน้ำ ใสสะอาด มีสังฆารามเจดีย์และเสาหินตั้งตระหง่านอยู่ พระสงฆ์
ประพฤติปฏิบัติเรียบร้อย
ก่อนที่จะอุบัติในโลก พระโพธิสัตว์จะต้องพิจารณาถึงสิ่งสำ คัญ
๕ ประการ เรียกว่า ปัญจมหาวิโลกนะ
๑. กาลเวลา คือ ไม่มากหรือน้อยเกินไป เป็นยุคที่มนุษย์มีอายุ
ร้อยปี (เห็นพระไตรลักษณ์)
๒. ทวีป คือ เลือกชมพูทวีป
๓. ประเทศ คือ มัชฌประเทศ
๔. ตระกูล คือ ตระกูลที่คนยกย่องเช่น ตระกูลกษัตริย์
๕. พระมารดา เป็นผู้ที่สั่งสมบุญบารีมาดี คือพระนางสิริมหา
มายา
ทวีป ๔
ทวีป คือ เกาะหรือแผ่นจารึกที่มีนํ้าล้อมรอบเป็นที่อยู่อาศัยของ
มนุษย์และสัตว์ ในจูฬนิกาสูตรได้แสดงไว้ในจักรวาลมี ๔ ทวีป คือ
๑.) ชมพูทวีปหรือประเทศอินเดียอยู่ทางทิศใต้ มีภูเขาสิเนรุเป็น
จุดศูนย์กลางใบหน้ามนุษย์มนุษย์มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ลักษณะ
พิเศษ ๒ ประเภท
๑.๑) เป็นทวีปที่มีพระอรหันต์ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
ได้มาบังเกิดในทวีปนี้เท่านั้น
๑.๒) เป็นประเทศที่มีต้นหว้าเป็นสัญญาลักษณ์
๒.) อมรโคยานทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ใบหน้าของมนุษย์
มีลักษณะค่อนข้างกลม
๓ .) อุตรกุทวีป ตั้งอยู่ทางเหนือใบหน้าของมนุษย์มีลักษณะ ๔
เหลี่ยม พระพุทธเจ้าเคยเสด็จบิณฑบาตมายังทวีปนี้
๔.) บุพพวิเทหทวีป ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภูเขาสินเนรุ
ใบหน้าของมนุษย์จะมีลักษณะเหมือน พระจันทร์ตัดหรือบาตรที่วางใน
ลักษณะเอียงตะแคง
คำ ว่า โกลาหล คือ ความเอิกเกริกหรืออลหม่านเกิดจากความ
สงสัยสับสนมี ๕ ประการ คือ
โกลาหล ๕ (ปญฺจโกลาหล)
๑.) พุทธโกลาหล คือ การเกิดความโกลาหล ก่อนพระพุทธเจ้า
จะอุบัติ ๑ แสนปี
๒.) กัปปโกลาหล คือ การเกิดความโกลาหล ก่อนกัปจะพินาศ
๑ หมื่นปี
๓.) มงคลโกลาหล คือ การเกิดความโกลาหล ก่อนที่พระพุทธเจ้า
จะแสดงมงคล ๑๒ ปี
๔.) จักรวรรดิโกลาหล คือ การเกิดความโกลาหล ก่อนพระเจ้า-
จักรพรรดิ์จะอุบัติขึ้น ๑๐๐ ปี
๕.) โมเนยยโกลาหล คือ การเกิดความโกลาหล ก่อนที่จะมีคน
ถามถึงโมเนยยปฏิบัติ ๗ ปี (พระนาลกะเป็นผู้ถามและปฏิบัติเพียงองค์
เดียว เป็นพระอรหันต์ต่อจากกลุ่มปัญจวัคคีย์ และเมื่อปฏิบัติจนบรรลุ
พระอรหันต์แล้ว ก็นิพพานหลังจากนั้นอีก ๗ เดือน)
ปัญจมหาบริจาค
๑. ทรัพย์ ๒. อวัยวะ ๓. บุตร ๔. ภรรยา ๕. ชีวิต
การได้รับพยากรณ์
๑.) ทีปังกร คราวเกิดเป็น ดาบสสุเมธ เมืองอมรวดี พระสมณะ
โคดม ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าในอดีต ๒๓ พระองค์
๒.) โกณทัญญะ คราวเกิดเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ์วิชิตาวี เมือง
จันทวดี
๓.) มังคละ คราวเกิดเป็น สุรุจิพราหมณ์ หมู่บ้านสุรุจิ
๔.) สุมนะ คราวเกิดเป็น พญานาคอตุละ นาคพิภพ
๕.) เรวตะ คราวเกิดเป็น อติเทวะพราหมณ์ รัมมวดีนคร
๖.) โสภิตะ คราวเกิดเป็น สุชาตพราหมณ์
๗.) อโนมทัสสี คราวเกิดเป็น เสนาบดียักษ์
๘.) ปทุมะ คราวเกิดเป็น สีหนาคราช
๙.) นารทะ คราวเกิดเป็น ดาบสทรงอภิญญาสมบัติ ๘
๑๐.) สุเมธะ คราวเกิดเป็น อุตตรมานพ
๑๑.) สุชาตะ คราวเกิดเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ
๑๒.) ปิยทัสสี คราวเกิดเป็น พราหมณ์กัสสปะ
๑๓.) อัตถทัสสี คราวเกิดเป็น สุสีมพราหมณ์
๑๔.) ธัมมทัสสี คราวเกิดเป็น ท้าวสักกเทวราช
๑๕.) สิทธัตถะ คราวเกิดเป็น มังคลพราหมณ์ สุรเสนนคร
๑๖.) ติสสะ คราวเกิดเป็น สุชาตราชา ยสวดีนคร
๑๗.) ปุสสะ คราวเกิดเป็น วิชิตาวีกษัตริย์ อมิทมนคร
๑๘.) วิปัสสี คราวเกิดเป็น พญานาคอตุละ
๑๙.) สิขี คราวเกิดเป็น อมรินทมราชา ปริภูตนคร
๒๐.) เวสสภู คราวเกิดเป็น สุทัสสนราชา สรภดีนคร
๒๑.) กกุสันธะ คราวเกิดเป็น เขมะราชา
๒๒.) โกนาคมนะ คราวเกิดเป็น ปัพพตราชา มิถิรานคร
๒๓.) กัสสปะ คราวเกิดเป็น โชติลมานพ พาราณสีนคร
พระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค ข้อ ๑๓๐ เล่ม ๓ ภาค ๒ กล่าวว่า
พระมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการมีดังนี้ คือ
๑. มีพระบาทพระประดิษฐานอยู่ด้วยดี
๒. มีลายจักรอันมีกำ พันหนึ่ง มีกงพันหนึ่ง มีดุมพันหนึ่ง
บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง เกิดภายไต้ฝ่าพระบาททั้งสอง
๓. มีส้นพระบาทยาว
๔. มีพระองคุลียาว
๕. มีฝ่าพระหัตถ์ และฝ่าพระบาทอ่อน
๖. มีฝ่าพระหัตถ์ และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่ม
๗. มีพระบาทสูงเนิน
๘. มีพระชงฆ์เรียว ดุจแข้งเนื้อทราย
๙. ประทับยืนตรงไม่ค้อมลง ฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองลูบคลำ
พระชานุมณฑลทั้งสองได้
๑๐. มีพระคุยหฐานเร้นอยู่ในฝัก
๑๑. มีพระฉวีวรรณดั่งทองคำ คือมีพระตจะประดุจหุ้มด้วยทอง
๑๒. มีพระฉวีละเอียดดั่งผิวทองคำ ฝุ่นละอองจึงมิได้ติด
พระวรกาย
๑๓. มีพระโลมาขุมละเส้น
๑๔. มีพระโลมางอนขึ้นเบื้องบนทุกเส้น มีสีเขียวดังดอกอัญชัน
ขดเป็นมณฑลทักษิณาวัฏ
๑๕. มีพระกายตรง ดั่งกายพรหม
๑๖. มีพระมังสะเต็มในที่ ๗ แห่ง คือ หลังพระหัตถ์ทั้งสอง หลัง
พระบาททั้งสอง จงอยพระอังสาทั้งสอง และพระศอ
๑๗. มีกึ่งพระกายท่อนบน เหมือนกึ่งกายท่อนหน้าของศรีษะ
๑๘. มีระหว่างพระอังสาเต็ม
๑๙. มีปริมณฑล ดุจไม้นิโครธ คือกายกับวาเท่ากัน
๒๐. มีลำ พระศอกลมเท่ากัน
๒๑. มีปลายเส้นปราสาทสำ หรับรสอาหารดี
๒๒. มีพระหนุดุจคางราชสีห์
๒๓. มีพระทนต์ ๔๐ ซี่
๒๔. มีพระทนต์เรียงเสมอกัน
๒๕. มีพระทนต์ไม่ห่าง
๒๖. มีพระทาฐะขาวงาม
๒๗. มีพระชิวหาใหญ่
๒๘. มีพระสุรเสียง ดุจเสียงพรหม ตรัสมีสำ เนียงดังนกการเวก
๒๙. มีพระเนตรดำ สนิท
๓๐. มีดวงพระเนตร ดุจตาโค
๓๑. มีพระอุณาโลมขาวดังสำ ลี
๓๒. มีพระเศียรดุจประดับด้วยกรอบพระพักตร์
พระสมณะโคดมองค์นั้น ทรงประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ
๓๒ ประการนี้แล
บางตอนของพุทธประวัติได้กล่าวไว้ว่า :
พุทธพยากรณ์ครั้งแรก
สุเมธดาบส ปูลาดแผ่นหนังลงบนเปือกตม นอนคว่ำ หน้าทอด
ตนเป็นสะพาน เพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยคิดว่า ขอพระพุทธเจ้าจง
ทรงเหยียบหลังเราเสด็จข้ามไปหมูภิกษุสงฆ์
ทรงบำ เพ็ญบารมี มีทานบารมี ศีลบารมี เป็นต้น
พระชาติที่เป็นพระเวสสันดร
พระชาติสุดชาติจุติจากดาวดึงสพิภพลงมาปฏิสนธิ พระนางผุสดี
เป็นพระมารดา พระเจ้าสญชัย เป็นพระบิดา แคว้นสีพี
เวสสันดร แปลว่า ถนนพ่อค้า เมื่อสิ้นอายุบังเกิดเป็นเทพบุตร
นามว่า เสตเกตุเทพบุตร ในดุสิตสวรรค์
สุบินนิมิต
ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ พระโพธิสัตว์นาม
ว่า เสตเกตุเทพบุตร ได้จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตมาปฏิสนธิในพระครรภ์
ของพระนางสิริมายา สุบินนิมิตว่า ท้าวมหาราชยกพระนางพร้อม
พระแท่นบรรทมสู่ป่าหิมพานต์ เทพยดาเชิญสรงน้ำ ในสระอโนดาต
ฉลองด้วยอาภรณ์อันเป็นทิพย์ มีช้างเผือกถือดอกบัวเวียนประทักษิณ
พระนาง ๓ รอบ เข้าสู่พระครรภ์ของพระนาง ทันใดนั้นได้เกิดแผ่นดิน
ไหว โหราจารย์ได้ทำ นายสุบินนิมิต โอรสที่จะมาเกิดเป็นผู้มีบุญญาธิการ
บุพนิมิต ๕ ประการ
๑. ผ้าทรงเศร้าหมอง
๒. ทิพยมาลาเหี่ยวแห้ง
๓. พระเสโทไหล ออกจากพระกัจฉะ (รักแร้)
๔. พระฉวีวรรณเศร้าหมอง
๕. ทรงเบื่อหน่ายทิพยอาสน์
เสด็จสวนลุมพินี
พระนางสิริมหามายาทรงพระครรภ์ครบ ๑๐ เดือน จึงเสด็จไปยัง
กรุงเทวทหะ พอถึงสวนลุมพินีวันตั้งอยู่ระหว่างกบิลพัสดุ์และ เทวทหะ
พอใกล้จะประสูติพระกุมาร เจ้าพนักงานได้นำ ผ้าขึงกั้นเป็นม่านทรง
ประทับยืน มือเหนี่ยวกิ่งไม้สาละแล้วให้ประสูติพระกุมาร วันศุกร์ขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ ใต้ต้นสาละ
ลำ ดับการสืบเชื้อสาย
ศากยวงศ์ โกลิยวงศ์
1. ชยเสน 1. เทวทหสักกะ
สีหหนุ, ยโสธรา อัญชนะ, กัญจนา
2. สีหหนุ,+ กัญจนา 2. อัญชนะ + ยโสธรา
สุทโธทนะ, สุกโกทนะ, อมิโตทนะ สุปปพุทธะ, ทัณฑปาณิ, มายา,
โธโตทนะ, ฆนิโตทนะ, ปมิตา,อมิตา ปชาบดีโคตมี
3. สุทโธทนะ + มายา และ + ปชาบดี 3. สุปปพุทธะ + อมิตา
สิทธัตถะ, นันทะ, รูปนันทา เทวทัต, ยโสธรา (พิมพา)
4. สิทธัตถะ + ยโสธรา (พิมพา)
ราหุล
ปาฏิหาริย์แห่งพระโพธิสัตว์เจ้า
ในการประสูติของพระโพธิสัตว์เจ้ามีปาฏิหาริย์ดังนี้คือ
๑. ขณะประสูติพระมารดาทรงประทับยืน
๒. มีเทวดามาคอยรองรับ
๓. บริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนด้วยมลทิน
๔. มีธารน้ำ เย็น-ร้อนมาสรงสนานพระวรกาย
๕. ประสูติเดินได้ ๗ ก้าว (มีดอกบัวผุดขึ้นรองรับ)
๖.เปล่งอาภิสวาจาว่า เราเป็นผู้เลิศเป็นผู้เจริญที่สุด เป็นผู้
ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดของเราครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย บัดนี้ภพใหม่
ไม่มีอีกแล้ว
๗. เกิดแผ่นดินไหว
สระโบกขรณี
สระโบกขรณีคือสระน้ำ ที่พระนางสิริมหามายาสรงสนาน
พระวรกายซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดประสูติ ๒๕๐๐ ปีที่แล้ว ณ ปัจจุบันยัง
คงเป็นอย่างนั้น ปัจจุบันได้รับการตกแต่งปรับปรุงเป็นอย่างดี บ่อใส
สะอาดมาก
เสาหินศิลาจารึกพระเจ้าอโศกมหาราช
หลังจากพุทธปรินิพพานได้ ๒๐๐ ปีเศษ พระเจ้าอโศกมหราช
หันมานับถือพระพุทธศาสนา พระองค์ ก็มีพระราชบัญชารับสั่งให้สร้าง
เสาหินศิลาจารึกทั่วชมพูทวีป ให้บันทึกราชโองการ หลักธรรมคำ สั่งสอน
เพื่อนำ ประดิษฐาน ณ สถานที่สำ คัญทางพระพุทธศาสนาพระเจ้าอโศก
มหาราชเสด็จธรรมยาตรา ณ ลุมพินี โดยได้รับความเมตตาจากพระโมค
คัลลีบุตรติสสเถระ เป็นผู้ชี้บ่งบอกตำ แหน่งให้ปักเสาหินลงไป เพื่อเป็น
เครื่องกำ หนดที่แน่นอน และโปรดให้มีข้อความบนเสาหินเป็นอักษร
พราหมี ไว้ว่า
พระเจ้าอยู่หัวปิยทัสสี ผู้เป็นที่รักแห่งทวยเทพ เมื่ออภิเษก
ได้ ๒๐ พรรษา ได้เสด็จมาและทรงกระทำ การบูชาเพราะว่าพระพุทธ
ศากยมุนีได้ประสูติ ณ ที่นี้ ได้โปรดให้สร้างรั้วศิลา และโปรดให้
ประดิษฐานเสาศิลาจารึกขึ้นไว้ แสดงให้เห็นว่า ณ แห่งนี้เป็นสถานที่
ประสูติของพระพุทธเจ้า
พ.ศ. ๒๓๗๓ มิสเตอร์ เจมส์ ปริ้นเชป นักโบราณคดี เป็นผู้แกะ
ตัวอักษรสำ เร็จใช้เวลาอยู่ ๗ ปี
พ.ศ. ๑๒๘๐ พระถังชัมจั๋ง ได้มายังสวนลุมพีนี ในบันทึกบอกไว้
ว่าบนเสาพระเจ้าอโศกเป็นรูปวิคฑะ คือเป็นม้าและฐานเป็นดอกบัว
มายาเทวีวิหาร
มายาเทวีวิหาร เป็นชื่อของวิหาร ปัจจุบันได้สร้างครอบซากอิฐ
โบราณสถานภายในวิหารได้ค้นซากโบราณที่สำคัญ
ซากอิฐโบราณ
ซากอิฐโบราณ มีเป็นจำ นวนมากกองใหญ่อยู่ภายในวิหาร เชื่อ
กันว่าน่าจะ เป็นซากอิฐในสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราชมาสร้างไว้
รูปแกะสลักหินพระมารดา
รูปแกะสลักหินพระมารดา เป็นรูปพระพุทธมารดากำ ลังให้
ประสูติการพระโอรส แต่น่าเสียดายถูกคนต่างศาสนาทำ ลาย เหลือเพียง
แค่เค้าโครงเท่านั้นต้องบอกได้ว่า ภาพสลักชิ้นนี้ น่าจะเป็นหลักฐานทาง
ศิลปกรรมที่เก่าแก่ที่สุดเป็นภาพที่งดงามมาก และทรงคุณค่าทางจิต
วิญญาณจริงๆ
รอยพระบาทกุมาร
แต่หลักฐานที่ค้นพบล่าสุด ที่ทำ ให้ทางโบราณคดีสรุปได้
ว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ นั้นก็คือ การค้นพบ
รอยพระพุทธบาท รูปรอยเท้าคู่ ขนาดเท่ากับรอยเท้าทารก แต่มิใช่
รอยพระบาทจริง ที่ประทับบนพื้น สันนิษฐานกันว่า น่าจะเป็นรอย
พระพุทธบาทที่พระเจ้าอโศก ทรงสร้างขึ้น เมื่อครั้งเสด็จยังสวนลุมพินี
เพื่อมาปักเสาหิน
ธงภาวนาหรือธงมนต์ตรา
ชาวเนปาลและธิเบตจะพิมพ์คาถาลงบนผืนธง เพื่อบูชาสถาน
ที่ประสูติ จะนำ ติดปักรายรอบต้นโพธิ และภายในสวนลุมพินี มีความ
เชื่อว่าลมจากเทือกหิมาลัยไปจะพัดเอาคำ สั่งสอนของพระพุทธเจ้าขจร
ขจายไปทั่ว
วัดพุทธนานาชาติ
วัดพุทธนานาชาติ มีทั้งเถรวาท และมหายาน
ประเทศเนปาล
เมือง...พุทธอุทยานลุมพินี เมือง...มายาเทวีวิหาร
เมือง...พระมหาบุรุษประสูติกาล เมือง...ปาฏิหาริย์ ๗ ก้าวบาทเดินจร
เมือง...เปล่งอาสภิวาจา เมือง...เสาศิลาอโศกนุสรณ์
เมือง...เสด็จนิวัติพระนคร เมือง...เวสสันดรบำ เพ็ญบารมีทาน
เมือง...เย็นกายใจใต้ร่มโพธิ์ศรี เมือง...โบกขรณีสุขเกษมศานติ์
เมือง...มรดกโลกจักรวาล เมือง...ภาพโบราณลํ้าค่าคู่บุรินทร์
เมือง...ราชกุมารีบารมีลํ้า เมือง...หัตถกรรมงามศาสตร์- ศิลป์
เมือง...EVEREST สุดยอดศิขรินทร์ เมือง...น้อมจินต์กราบที่ประสูติพระพุทธองค์ ฯ
ที่มา...คู่มือพระธรรมวิทยากร